ผิวชั้น SMAS คืออะไร?

SMAS ย่อมาจาก Superficial Musculo-Aponeurotic System เป็นชั้นเนื้อเยื่อที่อยู่ลึกใต้ผิวหนังและไขมันชั้นใต้ผิว (subcutaneous fat) โดยเป็นชั้นที่เชื่อมต่อระหว่างกล้ามเนื้อบนใบหน้าและผิวหนังเข้าด้วยกัน ทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของใบหน้า และเป็นหนึ่งในโครงสร้างสำคัญที่ทำให้ใบหน้าดูตึงและได้รูป

ชั้น SMAS อยู่ตรงไหน?

ลำดับชั้นผิวจากผิวชั้นบนลงล่างจะเรียงตามนี้:

  1. ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis)
  2. ชั้นหนังแท้ (Dermis)
  3. ไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous fat)
  4. ชั้น SMAS
  5. กล้ามเนื้อใบหน้า (Facial muscles)
  6. กระดูกใบหน้า (Facial bone)

หน้าที่ของชั้น SMAS

  • พยุงโครงหน้า: ชั้น SMAS เป็นเหมือน “รากฐาน” ที่คอยยึดโครงสร้างใบหน้าไม่ให้หย่อนคล้อย
  • ส่งแรงการเคลื่อนไหว: กล้ามเนื้อใบหน้าสามารถเคลื่อนไหวได้ผ่านการเชื่อมต่อกับชั้นนี้
  • คงความเต่งตึง: เมื่ออายุมากขึ้น ชั้น SMAS จะสูญเสียความยืดหยุ่น ทำให้ผิวหย่อนคล้อย

ชั้น SMAS กับความหย่อนคล้อยของใบหน้า

หนึ่งในสาเหตุหลักของใบหน้าหย่อนคล้อย ไม่ได้เกิดจากผิวหนังเท่านั้น แต่ยังเกิดจากการเสื่อมสภาพของ ชั้น SMAS ที่อยู่ลึกลงไปด้วย เมื่อ SMAS สูญเสียความตึงตัวหรือเริ่มหย่อนลงตามแรงโน้มถ่วง จะเกิดอาการเช่น:

  • แก้มหย่อน
  • ขอบกรามไม่ชัด
  • คางสองชั้น
  • ผิวหน้าดูไม่กระชับ

การยกกระชับผิวเฉพาะบนชั้นหนังกำพร้าหรือหนังแท้จึงอาจไม่เพียงพอ หากไม่สามารถกระตุ้นหรือปรับระดับ SMAS ได้ ก็อาจไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและยาวนาน

เทคโนโลยีที่ทำงานลึกถึงชั้น SMAS

1. HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound)

HIFU ใช้พลังงานคลื่นเสียงความเข้มสูง ยิงลงลึกไปยังระดับ ชั้น SMAS โดยไม่ต้องผ่าตัด ช่วยให้เกิดจุดพลังงานความร้อน (~60–70°C) ที่กระตุ้นการหดตัวของคอลลาเจนและสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวยกกระชับขึ้น

ข้อดี:

  • ไม่ต้องพักฟื้น
  • ไม่ต้องฉีดหรือเปิดแผล
  • เหมาะกับคนที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง
การทำ HIFU ช่วยให้ผิวกระชับขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด

2. SMAS Facelift Surgery (ศัลยกรรมดึงชั้น SMAS)

เป็นวิธีการผ่าตัดเพื่อยกกระชับใบหน้าโดยตรงที่ชั้น SMAS เหมาะกับผู้ที่มีอายุเยอะและมีปัญหาความหย่อนคล้อยรุนแรง การผ่าตัดจะเปิดผิวแล้วยกและเย็บชั้น SMAS ให้ตึงขึ้น

ข้อดี: ผลลัพธ์ชัดเจนมากและอยู่ได้นานหลายปี
ข้อควรระวัง: ต้องพักฟื้น ใช้เวลาฟื้นตัวหลายสัปดาห์

สรุป

SMAS คือชั้นเนื้อเยื่อสำคัญที่อยู่ลึกใต้ผิวหนัง มีบทบาทสำคัญในการพยุงโครงหน้าและป้องกันการหย่อนคล้อย เมื่ออายุมากขึ้น ชั้นนี้จะเสื่อมสภาพลง การเลือกใช้เทคโนโลยีที่สามารถลงลึกถึงชั้น SMAS เช่น HIFU, Ultherapy หรือการศัลยกรรม SMAS facelift จึงเป็นหัวใจของการยกกระชับใบหน้าที่เห็นผลจริงและยาวนาน

หากคุณเริ่มมีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยและกำลังพิจารณาวิธียกกระชับ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินว่าโครงสร้างผิวของคุณจำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูที่ระดับชั้น SMAS หรือไม่

บทความที่คล้ายกัน