โปรแกรม Therafill คืออะไร?

ในยุคที่คนให้ความสำคัญกับความอ่อนเยาว์แบบ “เป็นธรรมชาติที่สุด” ฟิลเลอร์ประเภทคอลลาเจนกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง โดยหนึ่งในตัวที่ถูกพูดถึงมากขึ้นในไทยคือ โปรแกรม Therafill การฉีดสารคอลลาเจนสกัดจาก porcine collagen type I ซึ่งถูกพัฒนาให้มีความปลอดภัยสูง บวมช้ำน้อย และให้ผลลัพธ์ดูเป็นผิวจริงมากกว่าฟิลเลอร์ประเภทอื่น

จากงานวิจัยในมนุษย์กว่า 12 เดือนที่ประเทศเกาหลี พบว่า Therafill สามารถช่วยลดร่องแก้มและริ้วรอยได้ดี และให้ผลเทียบเท่าคอลลาเจนชนิดอื่นในท้องตลาด โดยมีข้อได้เปรียบเรื่องความปลอดภัยและความสบายในการฉีดสูงกว่า

โปรแกรม Therafill ทำงานอย่างไร?

โปรแกรม Therafill เป็นการฉีด Collagen Type I ที่สกัดจากหมู 3% ผสมยาชา ทำให้เจ็บน้อยลงตอนฉีด ในกระบวนการผลิตจะมีการ “ตัดส่วนที่ทำให้เกิดภูมิแพ้” ออก จึงไม่จำเป็นต้องทำ skin test เหมือนคอลลาเจนวัวในยุคก่อน

เมื่อฉีดเข้าไปในชั้นผิว จะเกิด 2 กระบวนการหลัก:

1) เติมเต็มริ้วรอยทันที

ตัวเจลคอลลาเจนจะเข้าไปแทนที่ร่องผิว ทำให้ริ้วรอยตื้นขึ้นทันทีหลังทำ

2) กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่

การมีคอลลาเจนเพิ่มเติมในผิวจะกระตุ้นการทำงานของ fibroblast ทำให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ต่อเนื่อง ผลที่ได้คือผิวดูเนียนขึ้นเรื่อย ๆ แบบไม่โป๊ะ

ทำให้ผิวดู “เป็นผิวจริง” มากกว่าฟิลเลอร์บางประเภท เน้นความเรียบเนียนแลดูเป็นธรรมชาติ

อ่านเพิ่มเติม: Atelocollagen

ส่องดูงานวิจัย โปรแกรม Therafill สรุปผลลัพธ์จากงานวิจัย 12 เดือน

งานวิจัยในคนเอเชียกว่า 61 คน เปรียบเทียบ โปรแกรม Therafill กับ คอลลาเจนวัว โดยฉีดคนละข้างหน้าแบบสุ่ม และประเมินผลทุก 3 เดือน พบว่า:

ร่องแก้มตื้นลงจริงตั้งแต่เดือนที่ 3

คะแนน WSRS (Wrinkle Severity Rating Scale) ของ Therafill ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยค่าเฉลี่ยลดลงประมาณ 1 ระดับตั้งแต่ช่วงแรก ๆ

ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 6–12 เดือน

จากข้อมูล GAIS (Global Aesthetic Improvement Scale) ทั้งหมอและผู้เข้าร่วมประเมินว่าผิวดีขึ้นชัดเจนในช่วง 3–6 เดือนแรก ก่อนค่อย ๆ ลดลงทีละน้อยในเดือนที่ 9–12 ซึ่งเป็นธรรมชาติของฟิลเลอร์คอลลาเจน

มีความปลอดภัย

งานวิจัยระบุว่า ไม่พบผลข้างเคียงรุนแรง มีบวมเล็กน้อยในบางรายและหายเองทั้งหมด

เมื่อเทียบกับข้อมูลจากคลินิกไทย หลายเคสก็ให้ผลใกล้เคียงกัน—ช้ำน้อย ฟื้นตัวเร็ว และคนไข้มักประทับใจเนื้อผิวที่ดูเนียนละเอียดขึ้น

Therafill เหมาะกับใคร?

  • คนที่มี ริ้วรอยตื้น–ปานกลาง เช่น ร่องแก้ม มุมปาก ร่องข้างจมูก
  • คนที่ไม่อยากให้หน้าดูเปลี่ยนรูปมาก แต่ต้องการลดร่อง รอยบนหน้า
  • คนที่แพ้ง่าย และต้องการฟิลเลอร์ที่ ไม่ต้องทำ skin test
  • คนที่อยากได้ลุค เรียบเนียน ไม่วาว ไม่บวม ไม่เป็นก้อน

แต่ถ้าต้องการยกกระชับหรือเติม volume มาก ๆ เช่น คาง กราม โหนกแก้ม HA filler จะตอบโจทย์กว่า

ผลลัพธ์ที่คนไข้มักบอกว่าต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไป

  • ผิวดูเรียบขึ้นแบบ ดูไม่รู้ว่าไปทำอะไรมา
  • ดูไม่โป๊ะ ไม่เป็นเงาฟิลเลอร์
  • ผิวดูละเอียดขึ้นเพราะคอลลาเจนใหม่ค่อย ๆ เพิ่ม
  • ความนุ่มของผิวดีขึ้น ไม่แข็ง ไม่เป็นไต

FAQ

โปรแกรม Therafill อยู่ได้นานไหม?

เฉลี่ย 6–12 เดือน ตามข้อมูลการติดตามในงานวิจัย

เจ็บไหม?

มียาชาในตัว จึงค่อนข้างสบายกว่าฟิลเลอร์หลายชนิด

ต้องฉีดกี่ครั้ง?

ส่วนใหญ่ฉีดครั้งเดียว เห็นผลเลย และบางรายอาจเติมอีกเล็กน้อยใน 2 สัปดาห์

เป็นก้อนได้ไหม?

ไม่ค่อยพบการเป็นก้อน เพราะเนื้อคล้ายผิวจริงมาก

ปรึกษาฟรี

ปรึกษาเกี่ยวกับ โปรแกรม Therafill กับเราได้ฟรีทันที
ดูแลโดย คุณหมอหมิง พญ.อัญชิษฐา เจริญวัฒนโยธิน แพทย์ผู้มีประสบการณ์