UV Index คืออะไร?

UV Index หรือ “ดัชนีรังสียูวี” เป็นค่าที่บอกความเข้มของรังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อผิวมนุษย์ โดยค่านี้คิดรวมทั้ง UVA (ตัวการริ้วรอย–แก่ก่อนวัย) และ UVB (ตัวการผิวไหม้–ฝ้า–กระ)

ยิ่งตัวเลขสูง → ยิ่งอันตรายต่อผิว
ยิ่งแดดแรงไม่ได้แปลว่ายูวีแรงเสมอไป แต่ UV Index คือค่าที่ “แม่นที่สุด” ในการประเมินความเสี่ยงของผิวในแต่ละวัน

ผิวไหม้แดด จากรังสียูวี

ค่า UV Index แต่ละระดับหมายถึงอะไร?

ค่า UV Indexระดับความเสี่ยงผลต่อผิว
0–2ต่ำผิวแทบไม่ถูกทำร้าย
3–5ปานกลางผิวเริ่มไหม้ใน 30–45 นาที
6–7สูงผิวไหม้ใน 20–30 นาที
8–10สูงมากผิวเสียใน 10–15 นาที
11+อันตรายที่สุดผิวไหม้ใน 5–10 นาที

ทำไม UV Index ในประเทศไทยถึงสูงกว่าหลายประเทศ?

ประเทศไทยอยู่ในบริเวณใกล้เส้นศูนย์สูตร ทำให้ได้รับรังสียูวีมากเป็นพิเศษ มีปัจจัยสำคัญดังนี้:

1) ตำแหน่งละติจูดใกล้เส้นศูนย์สูตร

ทำให้แสงอาทิตย์ตกกระทบโดยตรง รังสียูวีเข้มมากกว่าโซนอากาศเย็นหลายเท่า

2) สภาพอากาศร้อนชื้นและเมฆบาง

เมฆสามารถกันรังสียูวีได้เพียง 10–30% เท่านั้น
ดังนั้น “วันที่ฟ้าครึ้ม ก็ยังมี UV สูงได้”

3) เมืองไทยแดดแรงแทบทั้งปี

โดยเฉพาะเดือนมีนาคม–พฤษภาคม UV Index บางวันแตะ 12–14 ซึ่งถือว่า “ระดับอันตราย”

4) พื้นผิวสะท้อนแสงจำนวนมาก

  • พื้นทราย สะท้อน UV ~25%
  • พื้นน้ำ สะท้อน 10–30%
  • คอนกรีตและพื้นเมืองร้อน สะท้อนแสงกลับสู่ผิวเพิ่มอีก

5) อากาศร้อนทำให้คนแต่งตัวเปิดผิวมากขึ้น

ยิ่งเปิดผิว = ยิ่งรับรังสียูวีตรง ๆ

UV Index ของประเทศไทยในแต่ละช่วงเวลา

ค่า UV ในไทยจะขึ้น–ลงแบบคาดเดาได้ชัดเจน

ช่วงเช้า 7.00–9.00 น.

UV 1–3 → ความเสี่ยงต่ำ เหมาะกับทำกิจกรรมกลางแจ้ง

ช่วงสาย 9.00–11.00 น.

UV 5–8 → เริ่มสูง
ผิวเริ่มมีโอกาสไหม้ ป้องกันผิวเป็นสิ่งจำเป็น

ช่วงกลางวัน 11.00–15.00 น.

UV 10–14 → อันตรายมาก
เป็นช่วงที่คลินิกผิวหนังแนะนำให้ “เลี่ยงแดด” ให้ได้มากที่สุด

ช่วงเย็น 15.00–17.00 น.

UV 3–6 → ยังมีผลต่อผิวแม้แดดจะอ่อน
โดยเฉพาะ UVA ที่ทำให้แก่ก่อนวั

ค่า UV Index รายฤดูกาลในประเทศไทย

ฤดูร้อน (ก.พ.–พ.ค.)

  • ค่า UV สูงที่สุดของปี
  • หลายพื้นที่มี UV Index 12–14 เป็นปกติ
  • ผิวไหม้ไวมาก แค่เดิน 5–10 นาทีอาจแดงได้

ฤดูฝน (มิ.ย.–ต.ค.)

  • แม้จะมีเมฆ แต่ UV ยังสูงที่ระดับ 6–10
  • รังสียูวีทะลุเมฆได้สูงกว่า 70%

ฤดูหนาว (พ.ย.–ม.ค.)

  • ค่า UV ลดลง แต่ยังอยู่ระดับ 4–7
  • แดดไม่ร้อนแต่ยูวีแรง: หลายคนเผลอไม่ทากันแดด ทำให้เกิดฝ้าได้ง่าย

ทำไม UV ในไทยทำร้ายผิวหนักกว่าที่คิด?

1) คนไทยมีผิวโทนเอเชีย (Asian Skin Type)

ผิวโทนเหลือง–น้ำผึ้งไวต่อ UVB มาก
เสี่ยงเป็นฝ้าง่ายกว่าคนผิวขาวถึง 2 เท่า

2) UVA ในไทยสูงตลอดวัน

แม้ตอนบ่ายแก่ ๆ หรือขณะอยู่ในรถ
UVA ยังทะลุกระจกเข้ามาทำร้ายคอลลาเจนได้

3) ผิวได้รับ UV แบบสะสมทุกวัน

สาเหตุของริ้วรอยก่อนวัยกว่า 80% มาจากรังสียูวี ไม่ใช่อายุ

4) หลังทำเลเซอร์ / ทำทรีตเมนต์ ผิวไวแสงมากขึ้น

หากไม่ป้องกันดี ผิวอาจคล้ำ หรือเกิด PIH (ผิวคล้ำหลังอักเสบ)


วิธีป้องกันผิวสำหรับสภาพ UV Index ในประเทศไทย

1) ทากันแดดทุกวันแม้อยู่บ้าน

เพราะ UVA ผ่านกระจกได้
ควรเลือก

  • SPF 50+
  • PA++++
  • ชนิดบางเบาไม่อุดตัน

2) ทาซ้ำทุก 2–3 ชั่วโมง

โดยเฉพาะช่วง 10.00–15.00 น.

3) ใช้เสื้อผ้ากันยูวี UPF 50+

เสริมการปกป้องจากแดดแรงแบบไทย ๆ

4) เลี่ยงแดดช่วง UV Index สูงสุด

ช่วง 11.00–15.00 น. คือช่วงที่ผิวเสียเร็วที่สุด

5) ทานสารต้านอนุมูลอิสระเสริม

ช่วยลดการอักเสบผิวจาก UV ได้แก่

  • วิตามินซี
  • ไลโคปีน
  • สารสกัดเฟิร์น Polypodium leucotomos

สรุป: UV Index ในประเทศไทยเป็นสิ่งที่คนไทยต้องใส่ใจทุกวัน

เนื่องจากประเทศเรามี UV สูงเกือบตลอดปี จึงส่งผลต่อต้นเหตุปัญหาผิวมากมาย เช่น

  • ผิวคล้ำเสีย
  • ฝ้า กระ จุดด่างดำ
  • ผิวไหม้แดด
  • ริ้วรอยก่อนวัย
  • ผิวไวแดดหลังเลเซอร์
  • เสี่ยงมะเร็งผิวหนังในระยะยาว

การเช็ก UV Index ไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก แต่ช่วยให้เราปกป้องผิวได้ตรงจุดมากขึ้น ทั้งการเลือกกันแดด การเลือกเวลาออกแดด และการดูแลตัวเองหลังทำทรีตเมนต์ต่าง ๆ

หากคุณเริ่มสังเกตว่าผิวหมองคล้ำง่าย ผิวไวแดด หรือเริ่มมีฝ้า–กระ สามารถนัดเข้ามาปรึกษาคุณหมอที่ Skinity Clinic ได้ เพื่อประเมินเบื้องต้นว่าผิวมีการถูก UV ทำร้ายมากน้อยแค่ไหน และควรดูแลด้วยวิธีใดดีที่สุด

บทความที่คล้ายกัน