HIFU กับ RF คืออะไร ต่างกันตรงไหน?
หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อทั้งสองเทคโนโลยีบ่อย ๆ แต่ยังไม่แน่ใจว่าแบบไหนเหมาะกับตัวเอง ทั้ง HIFU และ Monopolar RF เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ใช้พลังงานคนละชนิด และทำงานในชั้นผิวต่างกัน
Monopolar RF คืออะไร?
Monopolar RF หรือคลื่นวิทยุแบบขั้วเดียว ใช้พลังงานความร้อนลงลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนัง ความร้อนที่เกิดขึ้นจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวแน่นขึ้น เต่งตึงขึ้น เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวเริ่มหย่อนคล้อยทั่วใบหน้าแบบไม่เฉพาะจุด
จุดเด่นของ RF:
- ให้ความรู้สึกอุ่น เจ็บน้อย
- เหมาะกับคนที่อยากกระชับทั่วหน้า
- ไม่ต้องพักฟื้น
- ใช้ได้กับหลายบริเวณ เช่น หน้า ลำคอ แขน หรือหน้าท้อง
แล้ว HIFU คืออะไร? ดียังไง?
HIFU หรือ High-Intensity Focused Ultrasound ใช้พลังงานคลื่นเสียงแบบโฟกัสเฉพาะจุด ส่งลงไปลึกถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ใช้ในการศัลยกรรมดึงหน้า จุดนี้เองที่ทำให้ HIFU เห็นผลเรื่องยกกระชับได้อย่างชัดเจน
จุดเด่นของ HIFU:
- ลงลึกถึงชั้น SMAS
- ยกกระชับเฉพาะจุดได้ดี เช่น เหนียง กรอบหน้า
- เห็นผลบางส่วนทันที และชัดเจนขึ้นใน 1–2 เดือน
- ทำแค่ปีละ 1–2 ครั้งก็พอ
หัวข้อ | Monopolar RF | HIFU |
---|---|---|
พลังงานที่ใช้ | คลื่นวิทยุ (Radiofrequency) | คลื่นเสียงอัลตราซาวด์แบบโฟกัส |
ลงลึกถึงระดับไหน | ชั้นไขมันใต้ผิว | ชั้น SMAS |
เหมาะกับใคร | ผิวหย่อนคล้อยทั่วไป | ผิวหย่อนคล้อยเฉพาะจุด ชัดเจน |
ผลลัพธ์ที่เด่น | ผิวแน่นขึ้นทั่วบริเวณ | ยกจุดที่หย่อนคล้อย เช่น ร่องแก้ม เหนียง |
ความรู้สึกขณะทำ | อุ่น ๆ เจ็บเล็กน้อย | เจ็บผิวลึก ๆ เจ็บเล็กน้อย |
ต้องพักหน้าไหม | ไม่จำเป็น | อาจมีบวมแดงเล็กน้อย |
ความถี่ที่แนะนำ | ทุก 6-12 เดือน | ทุก 6–12 เดือน |
เลือกทำอะไรดีไหนดี?
- ถ้าผิวเริ่มหย่อนคล้อยทั่วไป เช่น รู้สึกหน้าไม่แน่นเหมือนเดิม แต่ยังไม่มีเหนียงหรือร่องลึกมาก → Monopolar RF จะเหมาะกว่า เพราะช่วยให้ผิวแน่นทั่วหน้า
- ถ้ามีปัญหาจุดที่หย่อนชัดเจน เช่น เหนียง กรอบหน้าไม่ชัด หรือร่องแก้มลึก → HIFU จะช่วยยกกระชับเฉพาะจุดได้ชัดเจนกว่า
บางครั้งใช้ทั้งสองเทคโนโลยีก็สามารถเสริมกันได้ เช่น ใช้ RF เพื่อกระชับผิวทั่วหน้า แล้วใช้ HIFU เพิ่มการยกจุดที่หย่อนโดยเฉพาะ
คำถามที่พบบ่อย
สรุป
ทั้ง HIFU และ Monopolar RF มีจุดเด่นที่ตอบโจทย์คนละแบบ หากเข้าใจลักษณะการทำงานและผลลัพธ์ที่ต่างกัน จะช่วยให้เลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเองมากขึ้น และจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่เราพึงพอใจที่สุด